2553-08-20

2010-07-25 วันเวลาดีๆที่ Wa จะไม่ลืม



วันที่ 25-07-2010
วันนั้นมีงานแจกลายเซ็นต์ของลี่หงที่ไทเป ตรงบริเวณ lian he yi yuan guan chang
วันนั้น Wa เดินทางไปพร้อมกับเพื่อนใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน
เช้าตรู่วันนั้น Wa พร้อมกับเพื่อนใหม่ไปรอที่สถานที่จัดงานตั้งแต่เช้า ราวๆ 9 โมงเช้าเห็นจะได้
ซึ่งจริงๆงานจะเริ่มขึ้นตอนบ่ายสามโมง (เอ่อ ...จะไปรอทำไมตั้งครึ่งค่อนวันก็มิทราบได้ ๕๕๕)
แต่ที่ Wa ทึ่งคือมีผู้ชายคนหนึ่งที่ขาพิการนั่ง wheel chair มาคนเดียว เขาเป็นแฟนคลับของลี่หง
และมารอเช้ากว่า Wa และเพื่อนเสียอีก
ขณะที่รอ Wa กับเพื่อนใหม่ก็ไปต่อแถวเพื่อที่ตอนเที่ยงจะได้รับบัตรคิวขึ้นไปรับลายเซ้นต์
Wa กับเพื่อนใหม่ต่อแถวเหมือนๆกับคนอื่น คนที่ต่อหลัง Wa เป็นหญิงสาวชาวฮ่องกงและเด็กสาวชาวไต้หวัน
การรอคอยหลายชั่วโมงทำให้ Wa ได้มิตรภาพใหม่ที่ดีจากเพื่อนต่างชาติทั้งสองคน
ระหว่างรอ Wa ก็งัดไพ่ขึ้นมาจับ โอ้ววันนี้ Wa ได้ไพ่ดีเสียด้วย The Magician
แล้วเราก็ยังคงเม้าท์เมามันส์กันต่อไปจนกระทั่ง staff ของทาง Sony มาแจกบัตรคิว
Wa ได้คิวที่ 83 อืม และแล้ว staff ก็จัดเรียงคิวผู้คนหลากหลายให้เป็นระเบียบเพื่อรอขึ้นไปรับลายเซ็นต์
ระหว่างรอแดดยิ่งร้อนขึ้นและร้อนขึ้นจน Wa และทุกคนแทบจะไหม้เกรียม
แต่แล้วเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ลี่หงจะมาถึง ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
Wa กับเพื่อนไม่ได้เตรียมร่มไปด้วย เพราะตั้งแต่วันที่ไปถึงคือวันที่ 23 อากาศดีและร้อนมาตลอด
โอ้ว....แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกะ Wa หรือ The Magician ของ Wa ชักแปลกเสียแล้วซี
ขณะที่ฝนกำลังกระหน่ำตกลงมาโดยที่ Wa และเพื่อนจะต้องหอบรูปพี่หงจำนวนมากในมือก็เริ่มจะวุ่นวาย
โกลาหลกลัวของที่หอบมาจะเปียกหมด
ทันใดนั้นเองก็มีมือน้อยๆมาสะกิด Wa กับเพื่อน โอ้...สาวน้อยชาวไต้หวันที่ Wa คุยกับเขาเมื่อเช้าตอนต่อแถวนี่นา
เธอยิ้มแล้วยื่นร่มในมือมาให้ Wa กับเพื่อนด้วยน้ำใจไมตรีที่แสนดี
Wa ถามกลับไปว่า แล้วคุณล่ะ? สาวน้อยตอบว่า ไม่เป็นไร เพื่อนของเธอมาแล้ว เราสองคนกางร่วมกันได้
ส่วนคันนี้ให้เธอยืม
รู้ไหมค่ะว่ามันเป็นน้ำใจที่งดงามสำหรับ Wa เสียเหลือเกิน เพราะถ้าไม่ได้ร่มจากสาวน้อย Wa ก็ไม่รู้ว่า
Wa กับเพื่อนและขอในมือจะเปียกปอนเละเทะแค่ไหน

บ่ายสามโมงแล้ว ลี่หงมาถึงท่ามกลางฝนที่ยังคงกระหน่ำ
เมื่อลี่หงหันมาถ่ายรูปกับแฟนๆที่ยืนอยู่ด้านล่าง
กลายเป็นว่าลี่หงถ่ายรูปอยู่กับร่มหลากหลายสีสัน จนสื่อและข่าวทางช่องต่างๆต่างพากันพูดว่า
เป็นงานแจกลายเซ้นต์ของลี่หงแฟนๆให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่นท่ามกลางทะเลร่ม ๕๕๕
ช่างเขียน และช่างพูดได้เขาที

วั้นนั้นวิเวียนมาเป็นแขกรับเชิญเธอบินตรงกลับมาจากญี่ปุ่นเพื่อร่วมงานนี้โดยเฉพาะ
ก็จะไม่ให้มายังไงไหวเนอะ เพราะเพลงเปิดตัว chai mi you yan jiang cu cha
เป็นฝีมือการเขียนเนื้อร้องอขงเธอนี่นา
วิเวียนนำโทรศัพท์รูปรองเท้าสีแดงมาเป็นของขวัญให้ลี่หง และบอกว่านี่ไม่ใช่สำหรับนาย
แต่ไว้ให้สำหรับผุ้หญิงของนาย หวังว่านายจะได้เจอผุ้หญิงคนนั้นเร็วๆคนที่มาคอยดูและและทำอาหารให้นายทาน

ระหว่างที่สื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ?และถ่ายรูปทั้งสองคนอยู่ มีหลายคนด้านล่างไม่พอใจเพราะสื่อบังทั้งคู่เสียมิด
แถมยังต้องตากฝนรออีก จึงมีเสียงตะโกนที่ไม่น่าฟังดังขึ้น.....ไม่ขอเอ่ยเพราะ Wa ไม่ปลื้มอย่างแรง
แต่ที่ Wa ปลื้มคือเมื่อลี่หงได้ยิน เขากลับขอไมค์จากสื่อมาพูดกับแฟนๆด้านล่างว่า ขอเวลาอีกนาทีเดียวก็จะเสร็จแล้วครับ
มิน่าเล่า หลายคนถึงได้พูดว่าลี่หงเป็นคนที่แคร์แฟนๆของเขาอย่างมาก
อืม Wa เพิ่งเข้าใจวันนี้เอง

วิเวียนกลับไปแล้ว การแจกลายเซ็นต์เริ่มขึ้น แฟนต่างเปียกปอนขึ้นไปรับลายเซ็นต์
อืม...ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ความจริงถ้าเป็นตัวศิลปินเองก็คงปลื้มเอาการอยู่ที่แฟนๆยังอยู่รอแม้จะต้องตากฝน
แต่ไอ้เราที่ต้องขึ้นไปรับลายเซ้นต์จากผู้ชายหน้าตาดีเนี่ยะ มันก็แอบน่าอับอายความอุบาทว์ของตัวเองเหมือนกันนะ
๕๕๕
ถึงคิว Wa แล้ว ความจริง Wa รับหน้าที่หอบขึ้นไปประมาณสิบกว่าแผ่น
แต่เจ้าเพื่อนที่ไปด้วยหอบลงไปได้ครึ่งเดียวก็หายตัว มารู้ทีหลังเธอบอกว่า staff ยื่นให้แค่นี้นึกว่าหมดแล้ว
เอาล่ะเสร็จ Wa ล่ะ สิริรวมว่าตอนนี้ในมือ Wa ถือรวมกันอยู่ราวๆยี่สิบกว่าแผ่น
อืม...ช่างเป็นเวลาที่ดียิ่งนัก ๕๕๕ เพราะ Wa ได้มองผู้ชายหน้าตาดีอยู่นานทีเดียว
ผู้ชายคนนี้หน้าดี น่ารัก จมูกโตมาก(ขอ confirm ๕๕๕) นิ้วมือเรียวยาว ผิวขาวผ่องใส
มิน่าสาวๆถึงได้หลงไหลกันนัก ๕๕๕
Wa ลงมาจากเวที ได้ไม่นาน จู่ๆโชคชะตาก็พา Wa ไปอยู่หน้าเวทีเสียเฉยเลย
อ่า Magic ทำงานแล้ว
Wa ยืนมองศิลปินคนนี้ด้วยความชื่นชม เขายิ้มตลอดเวลา ใครถามอะไรก็ตอบ ใครให้อะไรก็กิน ๕๕๕
หลายๆอย่างที่ Wa ยืนมองศิลปินคนนี้อยู่นาน ทำให้ Wa รู้สึกและสัมผัสได้ว่าเขาแตกต่างจากศิลปินหลายคนที่ Wa
เคยได้เจอ
Wa รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่า บุคคลคนนี้เป็นศิลปินที่เป็นมนุษย์ เขาทำให้เรารู้สึกว่าเราสัมผัสและแตะต้องเขาได้
เขาไม่ได้ทำตัวเลอเลิศใดๆสักนิด ช่างกันเองเสียเหลือเกิ๊นพ่อคุณ
และแล้วเมื่อเซ้นต์ไปได้ครึ่งหนึ่ง ลี่หงก็ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
Wa รู้สึกได้ว่าเขาตั้งใจที่จะลุกขึ้นมาเพื่อเอาใจแฟนๆที่ตากฝนกันมาหลายชั่วโมง
เขาร้องเพลงโปรโมทนั้นอีกครั้งด้วยความน่ารักน่าชัง
แล้วกลับขึ้นไปเซ็นต์ใหม่ด้วยรอยยิ้มที่ยังคงสดใส
พอถึงคิวของชายพิการนั่ง wheel chair ที่ Wa พบเมื่อเช้า ลี่หงก็กระโดดลุกจากที่นั่งบนเวทีลงมาเซ็นต์ชื่อให้เขาที่ด้านล่าง
แล้วกลับขึ้นไปเซ็นต์ต่อ
เซ็นต์ไปสักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยื่นแซนวิซให้ ลี่หงแกะห่อพลาสติกแล้วกัดแซนวิซคำโตในทันใดอย่างไม่รีรอ
เออหนอช่างไม่ถือตัวเสียนี่กระไร หรือว่าหิวจัดกันหนอ ๕๕๕
เขายังคงกินแซนวิซคำโตต่อไปจนกระทั่ง staff ต้องบอกว่าอย่าถ่ายรูปเลยนะ
แล้วทุกท่านที่อยู่ด้านบนช่วยบังๆลี่หงหน่อย "มันกินอุบาทว์" ๕๕๕
นั่นแหละถึงทำให้ Wa รู้สึกว่า Wa มาถุกงานมากๆ และเข้าใจได้อย่างดีว่าทำไมเขาถึงยืนหยัดอยู่ในวงการนี้
ได้นานนอกเหนือจากผลงานที่ดีของเขา
นั่นก็เพราะเขาเป็นกันเองกับทุกคนจริงๆ
ในงานขณะที่ Wa ยังมองผุ้ชายคนนั้นเซ็นต์ชื่อ วุ่นวายกับงานของเขาต่อไป
ข้างๆ Wa มีสาวน้อยจากอินโดนีเซียคนหนึงกำลังตาแดงก่ำ Wa หันไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
เธอตอบว่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า "ฉันอยากร้องไห้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แนจะได้อยู่ที่ไต้หวัน
ฉันเรียนที่นี่และจบปริญญาตรีแล้ว พ่อแม่ของฉันให้ฉันกลับไปบ้านที่อินโดนีเซีย
ฉันคงไม่มีโอกาสได้เห็นลี่หงแบบนี้อีกแล้ว"
Wa เห็นเธอเสียใจจึงได้แต่ปลอบแบบขำๆไปว่า "เธอเพิ่งจะอายุ 23 เองนะ
กลับไปทำงานแล้วเก็บตังมาดูหงใหม่ก็ได้ มีตังก็ตามหงได้ทุกที่แหละน่า
แล้วหงน่ะ ก็ยังคงต้องอยู่ในวงการบันเทิงอีกนาน หงมันไปไหนไม่ได้หรอก"
คราวนี้สาวน้อยจึงยิ้มออกได้บ้าง เธอหัวเราะกับคำของ Wa ที่ว่า หงยังต้องอยู่ในวงการบันเทิงอีกนาน
หงไปไหนไม่ได้หรอก
แล้วสาวน้อยชาวอินโดก็กอด Wa ด้วยความขอบคุณ ....Wa เขยิบที่ให้เธอเข้าใกล้เวทียิ่งขึ้น
สาวน้อยถาม Wa ว่า แล้ว Wa จะเห็นหรือ
Wa ตอบว่า ไม่เป็นไรหรอก Wa เห็นหงชัดแล้วและก็ยืนมองอยู่ตรงนี้นานจนเมื่อยแล้ว ๕๕

ลี่หงออกมายืนหน้าเวทีอีกครั้ง เป็นที่ที่ Wa พร้อมด้วยเพื่อนชาวไทยที่ไปด้วยกัน
สาวชาวฮ่องกงที่ต่อคิว Wa เมื่อเช้า และสาวน้อยชาวอินโดนีเซียคนนั้นยืนอยู่พอดี
เราทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่เรายืนตรงนี้เป็นที่ทีดีที่สุดจริงๆ
Wa เกาะไหล่สาวชาวฮ่องกง เธอบอกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่ดี เป็น magic อย่างที่หนี่พูดไว้
ส่วนสาวน้อยชาวอินโดนีเซียกอดเอว Wa ไว้ ยืนมองลี่หงด้วยใจที่เป็นสุข
ส่วนเพื่อนสาวชาวไทยของ Wa เธอกระหน่ำถ่ายรูปด้วยความเมามัน ๕๕

สำหรับ Wa วันนั้นเป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่ง
Wa ได้เห็นลี่หงชัดมาก ชัดแบบที่เรียกได้ว่าเต็มตา และพอใจกับท่าทางที่เป็นมิตรของเขาที่แสดงออกให้เห็นบนเวที
ส่วนด้านล่างเวที่ Wa ได้มิตรภาพใหม่ที่ดีๆ และเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นในเวลาอันน้อยนิดในชั่วไม่กี่ชั่วโมง

งานจบลงไปแล้ว
ทุกคนแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์และ email ของกันและกัน
Wa ไม่รู้หรอกว่า เราทุกคนจะได้ติดต่อกันอีกจริงหรือเปล่า
แต่สำหรับ Wa วันนั้นเป้นวัน Magic ของ Wa

Wa ยังรู้สึกขอบคุณลี่หงขอบคุณโซนี่ที่จัดงานวันนั่นขึ้น และขอบคุณไปถึงองค์พระพิรุณที่บันดาลให้วันนั้นฝนตก
เพราะท่ามกลางฝนที่โปรยปรายนั้น มีไมตรี มีรอยยิ้มและมิตรภาพที่สวยงามรวมอยู่ด้วย
ถ้าไม่มีฝน Wa คงไม่ได้รู้ว่า คนแปลกหน้าในไทเปหนึ่งคนจะมีไมตรีให้ Wa หยิบยืมร่มโดยที่เราไม่เคยรุ้จักกันมาก่อน
ถ้าไม่มีฝน Wa คงไม่ได้เห็นลี่หงในอริยาบทที่น่ารักมากมาย (อ๊ะ หงเห็นใจ แจกโปรแหลก ๕๕๕)
ถ้าไม่มีฝน Wa คงไม่ได้รู้จักและได้ให้กำลังสาวน้อยตัวเล็กๆที่กำลังหลั่งน้ำตาให้กับศิลปินที่เธอรัก
ด้วยเพราะเธอจำต้องจากถิ่นที่รักนี้กลับบ้านเกิดเมืองนอนไป
ถ้าไม่มีฝน Wa คงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของคนหลายคนรอบตัว Wa ที่ต่างพากันชื่นชมศิลปินดีๆคนหนึ่งด้วยใจรักจริงๆ
ถ้าไม่มีฝน Wa คงไม่ได้รับกอดอันเป็นไมตรีจากเพื่อนใหม่ที่เต็มใจกอด Wa ด้วยความสุขและขอบคุณที่ Wa ให้กำลังใจกับเธอ

การไปงานแจกลายเซ็นต์ครั้งนี้ทำให้ Wa ได้รับอะไรหลายต่อหลายอย่างมากมาย
มันช่างเป็นประสบการณ์ที่ดีเสียเหลือเกิน

และที่สำคัญ Wa ได้ศิลปินในดวงใจเพิ่มมาหนึ่งคน
และเป็นศิลปินที่ Wa ชื่นชมด้วยใจจริง ไม่ว่าจะเป็นผลงานของเขาหรือแม้กระทั่งท่าทีของเขาที่มีต่อแฟนๆ
และยิ่งไปกว่านั้นรอยยิ้ม กับการยักคิ้วหลิ่วตาให้ Wa หนึ่งครั้งจากผู้ชายคนหนึ่งชื่อหวังลี่หง
ทำให้ Wa ต้องมาดิ้นกระเสือกกระสนอยากจะเจอเขาใหม่อีกเป็นพันๆรอบ
เฮ้อ..ข้อสุดท้ายนี้ท่าจะแย่หน่อยนะ Wa นะ
เพราะว่าจากวันนั้นมา Wa กลายเป็นว่า Wa กลายเป็นสาวกศิลปินชายไต้หวัน นาม หวังลี่หง ไปอย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อย

เอาน่า....น่ารักอย่างนี้ Wa เทใจให้เฮียหมดเลยล่ะกัน ๕๕๕ ^ ^

你 不 知 道 的 事

ว่าแล้วมาขายของให้ลี่หงดีกว่ากับเพลงในอัลบั้มใหม่ของเธอ
十 八 般 武 藝!
กับเพลงนี้ 你 不 知 道 的 事 ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงประกอบในหนัง
戀 愛 通 告 ที่เธอเล่นเองกำกับเองและอะไรๆเองเกือบทั้งหมด

你 不 知 道 的 事
ความจริงเพลงนี้แทบจะไม่ต้องแปลเพราะว่าลี่หงทำซับ eng ไว้ให้แล้ว
และมีคาดว่ามีคนแปลจากซับ eng เป็นไทยเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
แต่สำหรับ Wa นั้น Wa ว่า ซับ eng ที่แปลมาเป็นเนื้อความไทย
กับเนื้อจีนที่แปลมาเป็นเนื้อความไทยให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันพอสมควร
เพราะสำหรับ Wa เพลงนี้แปลจากเนื้อจีนโดยตรงให้อารมณ์มากกว่าเป็นเท่าตัว
ไว้ Wa จะแปลมาแปะไว้เป็นที่ระทึกให้หนหลังก็แล้วกัน ^ ^

ฟังเพลงเพราะๆกันแล้ว ถ้ามีโอกาสอย่าลืมอุดหนุนหนัง 戀 愛 通 告
และอัลบั้มใหม่ 十 八 般 武 藝!ของหงกันด้วยนะคะ


需 要 人 陪

นานแล้วที่ไม่มีเพลงไหนทำให้ Wa เสียน้ำตา
จนกระทั่งมาฟังเพลงในอัลบั้มใหม่ของหวังลี่หง
อัลบั้ม 十 八 般 武 藝!กับเพลง 需 要 人 陪
ท่อนฮุคของเพลงนี้ ฮุคใจ Wa อย่างแรง
ราวกับว่าเฮียหงจัดเพลงนี้มาเพื่อฆ่า Wa โดยเฉพาะ
ว่างั้นได้เลยที่เดียว............

一 個 我 需 要 夢 想 需 要 方 向 需 要 眼 淚
更 需 要 一個 人 來 點 亮 天 的 黑
我 已 經 無 能為 力 無 法 抗 拒 無 路 可 退
這 無 聲 的 夜 現 在 的 我 需 要 人 陪.

ไม่อยากแปลเลย มันโดนใจเกินไป.....
แล้วก็ไม่กล้าแปล เพราะแปลแล้วน้ำตามันจะร่วงเอา...